เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีเรื่องเล่าที่กล่าวถึงโชอันชาวเมืองเกียวโต
ผู้ซึ่งในบั้นปลายได้บวชเป็นพระในนิกายโซโตะเซน
เล่ากันว่าตั้งแต่โชอันยังเป็นเด็กเล็ก ๆ
คนทั้งเมืองเกียวโตก็รู้จักโชอันกันถ้วนทั่ว
ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะโชอันเป็นลูกโทนของเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนั้น
หรือว่าพ่อของโชอันจะเป็นคนใจบุญสุนทานโอบอ้อมอารีที่สุดในเมืองนั้น
และไม่ใช่เพียงว่าโชอันเป็นเด็กที่ฉลาดกว่าเด็กทั้งหมดในวัยใกล้เคียงกัน
ทั้งไม่ใช่ว่าเพราะโชอันเป็นเด็กที่เรียบร้อยและมีจริยาวัตรงดงามที่สุดคนหนึ่งในเมืองเกียวโต
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้คนรู้จักโชอันดีเป็นพิเศษอยู่ที่ความล้มเหลวในกิจการงานในทุก
ๆ ด้านของโชอัน จนสุดท้ายเขาจำต้องหนีหายไปจากเกียวโตตั้งแต่ก่อนวัยกลางคน
ไม่มีใครนึกฝันว่าในที่สุดโชอันผู้ล้มเหลวในชีวิตไม่เป็นท่า
จะกลายเป็นพระผู้รอบรู้ปฏิบัติเซน
ที่มีชื่อเสียงด้านปัญญากระเดื่องดังไปทั่วญี่ปุ่น
ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาเกียวโตอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ได้หายหน้าหายตาไปหลายสิบปี
กลับมาในฐานะของปรมาจารย์ผู้บรรลุธรรม ทั้ง ๆ
ที่ก่อนนี้โชอันคือผู้ล้มเหลวโดยแท้
ความล้มเหลวของโชอันนั้นเป็นเรื่องที่ชาวเมืองเกียวโตทุกคนรู้กันทั่ว
และบางคนถึงกับนำเอาเกร็ดชีวิตของโชอันไปอุปมาอุปไมยสอนลูกสอนหลาน
ถึงความหายนะของโชอันที่เป็นผลของความไม่เอาไหนอย่างไม่น่าเชื่อ
โชอันที่เป็นคนฉลาดที่สุดกลับบริหารทรัพย์สินสมบัติไม่เป็น
หลังจากที่ท่านเศรษฐีผู้เป็นพ่อตายไป โชอันไม่ดื่มเหล้าเล่นการพนันหรือเสเพล
กลับสามารถทำให้ทรัพย์สินเงินทองต้องมลายสูญหายไปจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็วจากการบริหารงานธุรกิจของเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โชอันหมดตัวลง
บรรดาลูกจ้างและคนในบ้านแทบทุกคนของโชอันพากันได้ดี หลายคนกลายเป็นเศรษฐีย่อย ๆ
อีกหลายคนมีศักดิ์ศรีมีฐานะดีกว่าเดิม
หรืออย่างน้อยก็พอมีพอกินไม่ต้องอาศัยหรือเป็นลูกจ้างใครอีกต่อไป
นั่นล้วนเป็นผลดีผลพลอยได้จากโชอันทั้งสิ้น
ความล้มเหลวในทางเกียรติยศชื่อเสียงยิ่งไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าชาวบ้านทุกคนจะรู้จักโชอัน หลายคนได้อาศัยใบบุญของเศรษฐีที่เป็นพ่อ
แต่ด้วยนิสัยยินยอมประนีประนอมของเขา
ทำให้ไม่มีใครอยากเสนอตำแหน่งหน้าที่อันทรงเกียรติไม่ว่าอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับโชอัน
ตำแหน่งสำคัญ ๆ กลับไปได้กับคนที่เรียนหนังสือตกแล้วตกอีก
จนอาจารย์ท้อใจ หรือไม่ก็ได้กับคนตลบตะแลงขี้คุยขี้เหล้า ร้ายกว่านั้น
ตำแหน่งที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและความยุติธรรม
กลับไปได้กับนักเลงหัวไม้ซามูไรเศษสวะอย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้ง ๆ ที่มีหญิงสาวทรงรูปโฉมฐานะและตระกูลดีหลายคนในเมือง
ที่เพียงแต่โชอันสนใจบ้างหรือใช้ความพยายามบ้างแม้เพียงสักเล็กน้อย
ก็จะมีโอกาสได้มาครอบครองอย่างแน่นอน
แต่โชอันไม่รู้ว่าไปทำอย่างไรจึงพลาดไปทั้งหมด
ปล่อยให้พวกนักเลงคนขี้คุยรวมทั้งลูกน้องลูกจ้างของโชอันเองคว้าเอาไปครองกันจนหมดสิ้น
ดังนั้นหลังจากที่โชอันกลับมาและเปิดสำนักโซโตะเซน
หลายคนจึงสนใจที่จะเรียนรู้
หรือว่าความสำเร็จของการแสวงหาความจริงจะได้มาก็ด้วยความล้มเหลวซ้ำซ้อนที่ปวดร้าว
เมื่อหลายคนถาม โชอันจึงเล่าให้ฟังว่า
เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรคือความสำเร็จและเขาไม่สนใจตรงนั้น โชอันเพียงบอกว่า
เขารู้เพียงว่าเขาได้ตื่นขึ้นจากความฝันที่ไม่ใช่ความฝันเท่านั้น
โชอันบรรยายเป็นโคลงที่มีห้าบท
ตามแนวที่ดัดแปลงมาจากร่ายของเดอเมลโลดังนี้ :
"ข้าเดินท่องเที่ยวอดมื้อกินมื้อมาสิบเจ็ดปี
ท่องเที่ยวหาความสำเร็จในโลกกว้าง พายุฝน เมฆที่มืดครึ้ม ฟ้าแลบฟ้าคะนอง
ภาพที่ซ้อนภาพ ที่แท้ - เบื้องหลังคือฟ้าสีครามตะวันสีทอง"
"ข้าจำได้ว่าข้าเดินเข้าไปในถ้ำที่ลึกและมืดสนิท
ข้าทรุดตัวลงนั่งที่มุมหนึ่ง คนเดียวแท้ ๆ ข้าครุ่นคนึงถึงเรื่องของชีวิต
ข้าครุ่นคะนึงถึงชีวิตที่เส็งเคร็ง ล้มเหลว ไร้ค่า ไร้ความหมาย"
"ข้าเห็นดอกไม้บนต้นไม้หลายต้นริมทางเดิน
แต่ก็เห็นเมล็ดพันธุ์อีกมากกว่ามาก ที่ไม่สามารถเติบโตเป็นต้นได้
หน่ออีกมากที่โตไม่ทันกับถูกเหยียบ ถูกสัตว์แทะวัวแพะกัดกิน แดดร้อนเฉาตาย"
"ข้าเห็นไข่แมลงไข่นกไข่ต่าง ๆ มากมาย
โตเป็นตัวแล้วก็ถูกกัดกินตายไป บ้างไม่ทันโตก็ฝ่อตกแตกตายไป
ไข่เต่าทะเลเป็นพันเหลือเพียงหนึ่ง เพียงเพื่อหนึ่ง - พันหมื่นต้องเสียสละ"
"ข้าเห็นคนมากหลายแย่งชิงกันเพื่อเพียงหนึ่ง
แย่งชิงกันเป็นนักแสดงนางงามเป็นดารา แย่งชิงเป็นใหญ่...ขอข้าก่อนเป็นหัวหน้า
แย่งชิงเป็นผู้แทนรัฐมนตรีมหาเสนา แย่งกันเป็นนักปราชญ์เป็นศาสดา"
"ข้าผ่านวันชั่วโมงที่ไร้ความหมายหลากหลาย คำพูดที่ไร้ค่าหลากหลาย
ความคิดพลังงานไร้ผลที่หลากหลาย แผนงานโครงการที่ไร้ความหมาย
เจ็บไข้เจ็บใจคือ...ความโง่ที่หามาเอง"
"ข้านึกถึงโอกาสทองแสงแห่งความสำเร็จ
เกียรติยศศักดิ์ศรีที่ข้าทิ้งมันไป ความงามความยิ่งใหญ่ที่ไม่สนใจ
ละทิ้งไปทั้งที่ควรหาควรได้ นึกถึงสัญญาที่ข้าไม่เคยรักษามัน"
"ทั้งหมดและเดี๋ยวนี้...ข้าเข้าใจและวางเฉย
ไม่เสียดายเสียใจหรือรู้สึกผิด ธรรมชาติหลากหลายไม่เท่ากัน
ลำไผ่มียาวมีสั้น...ทุกตอนทุกขั้นคือความหมาย
หนึ่งหรือหมื่นหรือพัน...ต่างกันที่ความหมาย..."