วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555
ทิศหก
ทิศหก ทิศหก บุคคลประเภทต่างๆ ที่เราต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ดุจทิศที่อยู่รอบตัวจัดเป็น ๖ ทิศ ดังนี้ ๑. ปุรัตถิมทิส ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา มารดา ๒. ทักขิณทิสทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครูอาจารย์ ๓. ปัจฉิมทิส ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ สามีภรรยา ๔. อุตตรทิส ทิศเบื้องซ้ายได้แก่ มิตรสหาย ๕. อุปริมทิส ทิศเบื้องบนได้แก่ พระสงฆ์ สมณพราหมณ์ ๖. เหฏฐิมทิส ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ ลูกจ้างกับนายจ้าง ๑. ปุรัตถิมทิส ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา มารดา : (หัวข้อ) มารดาบิดาอนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้ บุตรธิดาพึงบำรุงมารดาบิดา ดังนี้ ๑. ห้ามปรามจากความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความด ๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา ๔. หาคู่ครองที่สมควรให้ ๕. มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันสม ๒. ช่วยทำกิจของท่าน ๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็น ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุท ๒. ทักขิณทิสทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครูอาจารย์ : (หัวข้อ) ครูอาจารย์อนุเคราะห์ศิษย์ ดังนี้ ศิษย์พึงบำรุงครูอาจารย์ ดังนี้ ๑. ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี ๒. สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ๓. สอนศิลปวิทยาให้สิ้นเชิง ๔. ยกย่องให้ปรากฏในหมู่เพื่อน ๕. สร้างเครื่องคุ้มกันภัยในสารทิศ ๒. เข้าไปหา ๓. ใฝ่ใจเรียน ๔. ปรนนิบัติ ๕. เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ ๓. ปัจฉิมทิส ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ สามีภรรยา : (หัวข้อ) สามีพึงบำรุงภรรยา ดังนี้ ภรรยาอนุเคราะห์สามี ดังนี้ ๑. ยกย่องสมฐานะภรรยา ๒. ไม่ดูหมิ่น ๓. ไม่นอกใจ ๔. มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้ ๕. หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวั ๒.สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่าย ๓. ไม่นอกใจ ๔. รักษาสมบัติที่หามาได้ ๕. ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง ๔. อุตตรทิส ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ มิตรสหาย : (หัวข้อ) พึงบำรุงมิตรสหาย ดังนี้ มิตรสหายอนุเคราะห์ตอบ ดังนี้ ๑. เผื่อแผ่แบ่งปัน ๒. พูดจามีน้ำใจ ๓. ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ๔. มีตนเสมอร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วย ๕. ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน ๑. เมื่อเพื่อนประมาทช่วยรักษาป้อง ๒. เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน ๓. ในคราวมีภัย เป็นที่พึ่งได้ ๔. ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก ๕. นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร ๕. อุปริมทิส ทิศเบื้องบน ได้แก่ พระสงฆ์ สมณพราหมณ์ : (หัวข้อ) คฤหัสถ์พึงบำรุงพระสงฆ์ ดังนี้ พระสงฆ์อนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้ ๑. จะทำสิ่งใดก็ทำด้วยเมตตา ๒. จะพูดสิ่งใดก็พูดด้วยเมตตา ๓. จะคิดสิ่งใด ก็คิดด้วยเมตตา ๔. ต้อนรับด้วยความเต็มใจ ๕. อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย ๔ ๑. ห้ามปรามจากความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี ๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี ๔. ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๕. ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง ๖. บอกทางสวรรค์ สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความ ๖. เหฏฐิมทิส ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ ลูกจ้างกับนายจ้าง : (หัวข้อ) นายจ้างพึงบำรุงลูกจ้าง ดังนี้ ลูกจ้างอนุเคราะห์นายจ้าง ดังนี้ ๑. จัดการงานให้ทำตามกำลังความสามา ๒. ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและ ๓. จัดสวัสดิการดีมีช่วยรักษาพยาบา เจ็บไข้ เป็นต้น ๔. ได้ของแปลกๆ พิเศษมา ก็แบ่งปันให้ ๕. ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจต ๒. เลิกงานทีหลัง ๓.เอาแต่ของที่นายให้ ๔. ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งข พิ่มคำอธิบายภาพ |
วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555
อริยมรรคแปด
อริยมรรค ซึ่งแปลว่า มรรค หรือ หนทางอันประเสริฐ มีองค์ประกอบอยู่ ๘ ประการ คือ
๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ หมายถึง ความเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรร ม เช่น เห็นว่าทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บิดามารดามีพระคุณ เห็นว่า บุญมี บาปมี เห็นหรือเข้าใจสภาพความเป็นจริง ของชีวิต
๒. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ หมายถึง ความคิดชอบ ความคิดถูกต้อง หรือความตรึกตรองไปในทางที่ดี
๓. สัมมาวาจา การเจรจาหรือวาจาชอบ เป็นทางปฏิบัติที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง อันหมายถึง การสำรวมระวังในการพูดไม่ให้ผิด ให้พูดแต่วจีสุจริต
๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบหรือการกระทำที่ชอบ หมายถึง การประพฤติชอบทางกายที่เรียกว่า กายสุจริต
๕. สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ หมายถึงการเลี้ยงชีพโดยสุจริต เป็นอาชีพที่สุจริตไม่เป็นอาชีพ ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรืออาชีพที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง และศีลธรรมอันดีงาม หรือมีอาชีพที่ถูกต้องเป็นสัมมา ชีพ
๖. สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ ความเพียรนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นใ นการทำงานทุกอย่าง ยิ่งเป็นการบำเพ็ญเพียรทางจิตแล ้ว
ก็ยิ่งจำเป็นมาก บุคคลจะล่วงทุกได้ก็เพราะความเพ ียร
๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ หมายถึง การสำรวมใจ
หรือทำใจให้สงบตามแนวสติปัฏฐาน (ที่ตั้งแห่งจิต) ทั้ง ๔
เป็นการพิจารณาให้รู้เห็นเนื่อง ๆ เพื่อมิให้เกิดความยึดมั่นถือมั นในร่างกาย ความรู้สึก จิตใจและธรรม ทั้งที่เป็นฝ่ายกุศลหรืออกุศล
๘.สัมมาสมาธิ ความตั้งใจชอบ ความตั้งใจชอบเป็นหนทางที่จะนำไ ปสู่ความพ้นทุกข์ ด่านสุดท้ายที่จะเผด็จศึกกับกิเ ลส สัมมาสมาธในที่นี้ ก็หมายเอาความตั้งใจชอบโดยการเข ้าสมาธิชนิดที่เป็นอัปปนาสมาธิ คือ สมาธิแน่วแน่สมบูรณ์เต็มที่ (ไม่ใช่สมาธิชั่วขณะ หรือสมาธิเฉียดๆ) เป็นสมาธิที่ปราศจากนิวรณ์โดยสิ ้นเชิง เป็นสมาธิระดับฌาน (ความเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็น อัปปนาสมาธิ)
วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555
หลวงพ่อชา สุภัทโท
เหมือนอย่างกับน้ำในขวด ครั้นเรารินมันทีละน้อย มันก็จะหยด นิด.. นิด.. นิด พอเราเร่งรินให้เร็วขึ้น มันก็จะไหลติดต่อเป็นสายน้ำเดียวกัน ไม่ขาดตอน เป็นหยดเหมือนเวลาที่เรารินทีละน้อย ๆ
สติของเราก็เหมือนกัน ถ้าเราเร่งมันเข้ามา คือปฏิบัติให้สม่ำเสมอแล้วมันก็จะติดต่อกันเป็นสายน้ำ ไม่เป็นน้ำหยด หมายความว่า ไม่ว่าเราจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน การรู้อันนี้มันจะไม่ขาดจากกัน มันจะไหลติดต่อกันเป็นดั่ง.. สายน้ำ
(หลวงพ่อชา สุภัทโท)
สติของเราก็เหมือนกัน ถ้าเราเร่งมันเข้ามา คือปฏิบัติให้สม่ำเสมอแล้วมันก็จะติดต่อกันเป็นสายน้ำ ไม่เป็นน้ำหยด หมายความว่า ไม่ว่าเราจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน การรู้อันนี้มันจะไม่ขาดจากกัน มันจะไหลติดต่อกันเป็นดั่ง.. สายน้ำ
(หลวงพ่อชา สุภัทโท)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)